บริษัท โมเดอร์นเทคนิคล็อค จำกัด
การเช็คสภาพรถหลังจากเดินทางไกล
สาระความรู้  |   26-02-2556

บทความดี เกี่ยวกับการเช็คสภาพรถหลังจากเดินทางไกล ครับ

1. ตรวจสภาพรถ
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้ายและสังเกตอาการผิดปรกติต่างๆของตัวรถ
เพื่อแก้ไขได้ทันท่วงที อย่าลืมนะว่าช่วงที่ผ่านมาใช้งานมันหนักขนาดไหน
บางคนขับลุยป่าลุยเขามาหลาย ๆ คันขับกันเป็นพันๆ กิโลเมตร
แน่นอนว่าของเหลวพวกน้ำมันต่างๆ ย่อมเสื่อมประสิทธิภาพลงไป
หากเปลี่ยนถ่ายได้ก็จะเป็นการดี เช่น พวกน้ำมันเครื่อง เป็นต้น

2. ตรวจสภาพยางรถ
ถึงแม้ยางรถยนต์ของคุณจะเป็นยางใหม่ก็ตาม ดอกยางยังไม่เสื่อม
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดการบุบสลายของยาง ยิ่งรถที่วิ่งทางไกลและขับลุยเส้นทางโหดๆ
ขึ้นเขาลงห้วยมาด้วยแล้ว ควรจะตรวจเช็กสภาพยางด้วย ดีไม่ดีอาจจะเห็นรอยลึก
รอยปริแตก หรือไม่ก็เจอตะปูตำอยู่ก็เป็นได้

3. ตรวจเช็กระบบไฟ
ระบบไฟนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง ทั้งตัวเอง
ผู้โดยสารและผู้คนที่ใช้เส้นทางร่วมกับคุณ
ควรตรวจเช็กไฟต่างๆ มีความพร้อมดีหรือไม่ ทั้งไฟส่องทาง ไฟสูง ไฟต่ำ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก

4. ตรวจเช็กระบบเบรก
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นตัวเอง รวมถึงผู้ใช้ถนนด้วยกัน
ยิ่งคุณใช้งานหนักมาจากการเดินทางไกลด้วย ดังนั้นควรตรวจเช็กสภาพเบรกให้มีประสิทธิภาพ
ถ้ารู้ว่าเบรกไม่ค่อยอยู่ก็ควรเข้าอู่หรือศูนย์ปรับตั้งเบรก หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรกก็ต้องทำ

5. ตรวจเช็กหม้อน้ำ
น้ำในหม้อน้ำถือเป็นหัวใจสำคัญของรถ ยิ่งรถคุณมีอายุการใช้งานมากปีและขับขี่มาไกล
ระดับน้ำในหม้อน้ำอาจหดหาย หรืออาจจะเกิดชำรุดที่หม้อน้ำ ก็อาจจะส่งผลเสียใหญ่ตามมา
ดังนั้นนอกจากจะต้องตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำให้เป็นปรกติแล้ว ต้องสำรวจสภาพหม้อน้ำ ท่อยาง
เหล็กรัดท่อยาง ฝาหม้อน้ำด้วย ที่สำคัญควรตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำเป็นประจำทุกวัน

6. ระบบอากาศ
เริ่มตั้งแต่ไส้กรองอากาศ ถอดมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย หากไส้กรองอากาศสกปรกมาก
นอกจากจะทำให้เครื่องยนต์หลวม และยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากอีกด้วย
รวมถึงการเช็กท่อยางดูดอากาศว่า มีรอย รั่วหรือชำรุดหรือไม่
หากรถคุณมีอินเตอร์และท่อยางอินเตอร์ก็ต้องตรวจดูด้วยว่าหลุดหลวมจุดใดบ้าง

เทคนิคและข้อแนะนำง่ายๆ เกี่ยวกับการเช็กรถหลังจากเดินทางไกล ที่สามารถจะนำไปปฏิบัติได้ด้วยตนเอง หากนำไปปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณเกิดความปลอดภัย และประหยัดเงินในการดูแลบำรุงรักษารถยนต์ได้เลยทีเดียว

ที่มา http://www.carvariety.com

Hydraulic Power Unit